ไม่ว่าจะในวันที่แดดเปรี้ยง หรือฝนตกกระหน่ำ แต่คุณยังสามารถนั่งจิบกาแฟ ชิลๆ หลังบ้านได้แบบไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพอากาศ นี่แหละคือข้อดีของ “ กันสาด” ที่หลายคนมองข้ามไป ถึงแม้จะเป็นแค่โครงสร้างเล็กๆ ที่ติดอยู่หลังบ้าน แต่มันช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะกันแดด กันฝน เพิ่มพื้นที่ใช้สอย หรือทำให้บ้านดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น
แต่ด้วย กันสาดนั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้านเลยก็ว่าได้ ถ้าเราเลือกพลาด เลือกขนาดไม่พอดี เลือกแบบที่ไม่เหมาะ ก็อาจทำให้บ้านดูแปลกไปเลย ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจติดกันสาดที่หลังบ้าน ลองมาดูปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา ตั้งแต่วัสดุ การออกแบบ ขนาด และวิธีติดตั้งกันแบบครบจบในบทความนี้
รู้จักประเภท กันสาดก่อนตัดสินใจเลือก
ก่อนจะติดกันสาดหลังบ้าน เราต้องรู้ก่อนว่ามันมีกี่ประเภท เพราะกันสาดแต่ละแบบมีดีไซน์และฟังก์ชันที่แตกต่างกัน จะเลือกแค่สวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าเข้ากับไลฟ์สไตล์และพื้นที่ของบ้านเราหรือเปล่า มาดูกันว่ามีแบบไหนให้เลือกบ้าง และแบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด
กันสาดแบบติดผนัง vs. กันสาดแบบมีเสา
- กันสาดแบบติดผนัง
กันสาดประเภทนี้ยึดติดกับผนังบ้านโดยตรง ไม่มีเสาค้ำด้านหน้า ทำให้บ้านดูโล่งโปร่ง ไม่เกะกะสายตา เหมาะกับพื้นที่จำกัดหรือบ้านที่ต้องการความเรียบง่าย เช่น กันสาดหน้าต่าง กันสาดประตู หรือพื้นที่เล็กๆ หลังบ้านที่ไม่ต้องการโครงสร้างใหญ่โต
ข้อดี
- ดีไซน์เรียบง่าย ไม่เทอะทะ
- ติดตั้งง่าย ประหยัดพื้นที่
- ราคาคุ้มค่า ไม่ต้องลงเสาให้ยุ่งยาก
- รับน้ำหนักได้น้อยกว่ากันสาดมีเสา
- ถ้าติดตั้งผิดองศา อาจบังลมและแสงธรรมชาติมากเกินไป
- กันสาดแบบมีเสา
ถ้าหลังบ้านมีพื้นที่กว้าง และอยากได้กันสาดที่แข็งแรงทนทาน แนะนำให้ใช้กันสาดแบบมีเสา เพราะมันสามารถรองรับน้ำหนักได้ดีและคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่า ไม่ต้องกลัวว่ากันสาดจะหลุดหรือพังง่าย เหมาะกับบ้านที่ต้องการพื้นที่ใช้งานเยอะ เช่น ลานซักล้าง โซนนั่งเล่น หรือมุมปาร์ตี้
ข้อดี- แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้เยอะ
- กันแดดกันฝนได้ครอบคลุมกว่า
- ใช้ตกแต่งให้บ้านดูมีสไตล์ได้
- ใช้พื้นที่เยอะกว่ากันสาดติดผนัง
- ต้องลงเสา ทำให้ติดตั้งยุ่งยากขึ้น
วัสดุกันสาดมีอะไรบ้าง? ข้อดีข้อเสียแต่ละแบบ
- กันสาดโพลีคาร์บอเนต : วัสดุยอดฮิตที่ให้ความโปร่งแสง ดูโมเดิร์น เหมาะกับบ้านที่อยากได้แสงธรรมชาติ แต่ต้องทำใจกับเสียงฝนตกที่อาจจะดังไปหน่อย
- กันสาดไวนิล : ไวนิลเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการกันสาดที่กันแดดกันฝนแบบจัดเต็ม แถมยังช่วยลดความร้อนเข้าบ้านได้ดี แต่ไวนิลมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ต้องติดตั้งให้แข็งแรง
- กันสาดเมทัลชีท : เป็นกันสาดที่อึด ถึก ทน แข็งแรง ใช้งานได้นาน แต่ข้อเสียคือเสียงฝนตกจะดังมาก ถ้าไม่ติดฉนวนกันเสียงอาจจะรำคาญได้
- กันสาดผ้าใบ : เหมาะกับคนที่อยากได้กันสาดแบบพับเก็บได้ ใช้งานง่าย และให้ความรู้สึกชิลๆ แต่ต้องเลือกผ้าที่กันแดดกันฝนได้ดี ไม่งั้นอาจเสื่อมสภาพเร็ว
คำนวณขนาดและพื้นที่ติดตั้งยังไงให้เป๊ะ
กันสาด ต้องมีขนาดพอดีกับพื้นที่หลังบ้าน ไม่เล็กไปจนกันแดดกันฝนไม่ได้ หรือใหญ่ไปจนเกะกะสายตา แถมยังต้องติดตั้งในองศาที่เหมาะสม ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาน้ำไหลย้อน ลมตี หรือบังแสงธรรมชาติมากเกินไป มาดูกันว่าควรคำนวณขนาดและองศาการติดตั้งยังไงให้เป๊ะที่สุด
ก่อนจะเลือกขนาดกันสาด อย่าลืมสำรวจพื้นที่หลังบ้านของตัวเองก่อน หลักการง่ายๆ คือ กันสาดต้องคลุมพื้นที่ที่ต้องการบังแดดหรือกันฝนได้พอดี โดยไม่ทำให้บ้านดูอึดอัด หรือไปชนกับโครงสร้างอื่นๆ
ความกว้าง
- ถ้าติดกันสาดแค่กันแดด-กันฝนเหนือหน้าต่างหรือประตู ความกว้างกันสาดควรยื่นออกมาประมาณ 50-80 ซม.
- ถ้าเป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือซักล้าง ควรยื่นออกมาอย่างน้อย 1.5-2 เมตร เพื่อให้กันฝนได้
- ถ้าต้องการพื้นที่ครอบคลุมกว้างๆ อาจต้องเลือกกันสาดที่ยื่นออกมา 3 เมตรขึ้นไป
ความยาว
- ควรพิจารณาความกว้างของผนังหลังบ้านว่ารับกันสาดได้กี่เมตร
- ถ้ามีเสาหรือสิ่งกีดขวาง ต้องคำนวณเผื่อระยะให้ติดตั้งได้พอดี
- ถ้าต้องการดีไซน์โปร่งๆ สามารถใช้กันสาดแบบเว้นระยะ หรือเล่นระดับความยาวให้ดูมีมิติได้
องศาการติดตั้งที่เหมาะสม
- ไม่ควรติดตั้งกันสาดแบบราบเรียบตรงๆ เพราะน้ำฝนจะขังและทำให้เกิดคราบสกปรก ควรมีความลาดเอียงอย่างน้อย 5-15 องศา
- ถ้าบ้านอยู่ในพื้นที่ฝนตกหนัก อาจเพิ่มองศาเป็น 15-30 องศา เพื่อให้น้ำไหลออกเร็วขึ้น
- ถ้าใช้วัสดุโปร่งแสง เช่น โพลีคาร์บอเนต องศาที่เหมาะสมคือ 10-15 องศา เพื่อให้ฝุ่นไม่เกาะง่าย และช่วยให้แสงส่องผ่านได้ดี
ดูแลกันสาดให้ใช้งานได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
กันสาดแต่ละแบบมีวัสดุต่างกัน ดังนั้น วิธีทำความสะอาดก็ต้องเลือกให้เหมาะ ไม่งั้นอาจพังเร็วกว่าเดิม
- กันสาดโพลีคาร์บอเนต / อะคริลิก
ใช้น้ำสบู่อ่อนๆ ผสมกับน้ำอุ่น แล้วใช้ฟองน้ำเช็ดเบาๆ โดยใช้สายยางฉีดล้างฝุ่นออกก่อน แต่อย่าฉีดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้แผ่นแตกลายงา
ห้ามใช้แปรงแข็งขัดหรือใช้สารเคมีแรงๆ เพราะอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน - กันสาดไวนิล / เมทัลชีท
ใช้น้ำผสมกับน้ำยาล้างจาน เช็ดคราบฝุ่นและสิ่งสกปรก ถ้ามีคราบสนิม ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาขัดเบาๆ ห้ามใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เพราะอาจทำให้สารเคลือบผิวกันสาดหลุดลอก - กันสาดไม้ระแนง
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดทุก 1-2 เดือน ทาสียูรีเทนเคลือบกันน้ำทุก 1-2 ปี เพื่อยืดอายุการใช้งาน ห้ามปล่อยให้ไม้เปียกชื้นนานๆ เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราและปลวก - กันสาดผ้าใบ
ใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือแปรงขนอ่อนปัดฝุ่นออกเป็นประจำ ถอดผ้าใบไปซักได้ (ถ้าถอดได้) หรือใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดแทน ห้ามใช้สารฟอกขาว เพราะจะทำให้ผ้าใบกรอบและซีดเร็วขึ้น
บางครั้งกันสาดเริ่มเก่าหรือมีรอยรั่ว ถ้ารีบซ่อมก็ยังยืดอายุการใช้งานได้ แต่ถ้าเสียหายหนัก การเปลี่ยนใหม่อาจคุ้มกว่าการซ่อมหลายรอบ
กันสาดหลังบ้านไม่ได้มีดีแค่กันแดดกันฝน แต่ยังช่วยให้บ้านดูดี มีมิติ และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกันสาดแบบติดผนังหรือแบบมีเสา วัสดุต่างๆ ตั้งแต่เมทัลชีท ไวนิล ไปจนถึงโพลีคาร์บอเนต แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่ต้องพิจารณา รวมถึงการเลือกขนาดและองศาการติดตั้ง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคิดให้รอบคอบ
แต่ไม่ว่าคุณจะอยากได้ กันสาด แบบไหน หรือกำลังมองหาตัวช่วยในการติดตั้ง “พลังบ้านช่าง 999 จำกัด” พร้อมดูแลให้ทุกขั้นตอน เราให้บริการกันสาดครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นกันสาดผ้าใบ กันสาดเมทัลชีท โพลีคาร์บอเนต ไวนิล หรือแม้แต่เต็นท์ผ้าใบ พร้อมทีมช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ดูหน้างานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้มั่นใจว่ากันสาดของคุณจะเข้ากับพื้นที่หลังบ้านได้อย่างลงตัว
สนใจ กันสาด ติดต่อ "พลังบ้านช่าง 999"
โทร : 02-746-5500
Mobile : 063-390-0330, 085-151-5200
Line OA : https://page.line.me/wxx9802g?openQrModal=true
Facebook : กันสาด ผ้าใบ เต็นท์ จานดาวเทียม กล้องวงจรปิด
อีเมล : bcpower999@gmail.com